12 มิถุนายน 2552

สัญชาติ : By สุชาติ

ถึง พี่น้องในสายพระพรที่รักและคิดถึงในพระคริสต์

ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงสมควรขอบคุณทุกเวลา ด้วยว่าความรักของพระองค์ที่ทรงมีให้กับบรรดาธรรมิกชนของพระองค์ และความอุปถัมป์ที่มากไปด้วยความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในชีวิตของเรา คนในโลกนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดปัจจัยสี่หรือมากกว่านั้น แต่คนของพระเจ้ามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อุปถัมป์ชีวิตจริงๆ และสิ่งที่พระเจ้าทรงให้ผู้ที่เชื่อและวางใจนั้นล้วนเป็นสวัสดิ์ภาพดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้แล้วทั้งนั้น ยิ่งผู้เชื่อที่อยู่ในยุคที่มีการทดลองสูงและมากมายในแต่ละวันอย่างเราทั้งหลาย ที่ผ่านมาและมีชีวิตอยู่ในโลกได้นั้นเป็นเพราะพระเจ้าทรงมีแผนงานในชีวิตของเราผู้ที่เชื่อทุกคน คนที่จะขอบคุณพระเจ้าได้หมดทั้งหัวใจอย่างเต็มปากเต็มใจนั้นย่อมมีประสบการณ์กับพระองค์มาแล้วมากมายทั้งที่ดีและร้าย

ผมขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีพี่น้องในสายพระพรอธิษฐานเผื่อเสมอ ผมเองและครอบครัวก็คิดถึงทุกคนในสาย บางคนแม้จะยังไม่รู้จักกันแต่พระเจ้าทรงให้เราผูกพันกันทางพระวิญญาณบริสุทธฺิ์องค์เดียวกัน ลองใครได้สัมผัสความรักของพระเจ้าองค์นี้แล้ว ยากนักที่จะทอดทิ้งพระองค์ได้ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าสอบสัญชาติกับคนที่อยู่ในสหรัฐมานานแล้วหลายคน บ้างก็มาจากเอฟริกาใต้ ออสเตเรีย คนมุสลิมก็มี หลายสิบคนด้วยกัน ผมเป็นคนแรกที่ไปถึงและยื่นขอทำข้อสอบก่อนคนอื่น ตอนแรกก็ไม่ประหม่าเท่าไหร่ครับ เพราะรู้ว่าตนเองเตรียมมาดีตามที่ทางรัฐกำหนดให้อ่าน เขียน ท่องจำ ทุกอย่าง แต่พอมาที่คุมสอบและเห็นคนยุโรปมากมายยังไม่มีบัตรสัญชาติสหรัฐ ผมก็เริ่มที่จะรู้สึกท้อนิดๆครับ เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก บางคนก็มาสอบซ่อมก็มี ผมเองพูดไม่ค่อยได้เท่าไรนักก้เลยเริ่มเกรงๆ เจ้าหน้าที่มาเรียกผมเป็นคนแรกเลย ก่อนเข้าผมบอกกับพระเจ้าว่าพร้อมกับภรรยาและลูกสาวว่าเมื่อพระเจ้าทรงนำมาถึงขนาดนี้แล้ว ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ในใจลึกๆรู้สึกมั่นใจมากครับ

เจ้าหน้าที่กับผมพุดคุยกันพักหนึ่งอย่างสนุกสนานด้วยเรื่องรอบตัวที่กำลังเกิดขึ้น จากนั้นเขาก้เริ่มตรวจเอกสารทันที ใบสุดท้ายมีปัญญหาครับ เพราะคนที่จะมาทำสัญชาติได้นั้นต้องอยู่ในสหรัฐอย่างน้องสามปีติดต่อกัน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็เลยแนะนำให้เจ้าหน้าที่ถามภรรยาผมได้ไหม เท่านั้นแหละครับ เขามองหน้าและยิ้มๆ และเดินออกไปตามภรรยาและลูกเข้ามา เห็นสีหน้าภรรยาไม่ดีเอามาก เจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าที่จะตัดสิทธิ์ผมเลยทันที ก็เลยเรียกหัวหน้าใหญ่เข้ามาสอบถามพร้อมกับหนังสือเกี่ยวกับกฏหมายนั้นๆด้วย ผมไม่ได้พูด ได้แต่ยิ้มและมองภรรยากับหัวหน้าคุยกันสักพัก ตกลงหัวหน้าใหญ่ก็บอกว่าตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานก็ไม่เคยเห็นกรณีอย่างนี้มาก่อน มันไม่มีบัญญัติเอาไว้อย่างชัดเจนนัก หัวหน้ามองครอบครัวของเราและยิ้มๆและบอกว่า " มันเป็นกรณีพิเศษจริงๆ " ขอแสดงความยินดีด้วยครับ...เท่านั้นแหละภรรยาของผมถอดสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เรารีบขอบคุณหัวหน้ากันใหญ่ และขอบคุณพระเจ้าเสียงดังเลยล่ะ

ขั้นตอนต่อมาผมต้องตอบ อ่าน เขียน ครับ ผมตอบข้อสอบได้ ๕ ข้อโดยไม่ผิดเลยเจ้าหน้าที่ก็หยุดถาม และมาให้อ่าน และเขียน ผมก็ทำได้ทั้งหมดครับ ขอบคุณพระเจ้า อันนี่ไม่กดดันเท่าตรงที่ตรวจเอกสารของผม ทั้งๆที่มันน่ากดดันที่สุด ขอบคุณพระเจ้า เจ้าหน้าที่ยิ้มแสดงความยินดี และให้ผมไปปฏิญาณตนเป็นคนสหรัฐในวันที่ ๑๙ เดือน มิถุนายน นี้ ผมเข็นรถออกมาจากห้องสอบด้วยรอยยิ้ม และเห็นคนที่ผมรอสอบต่อผมนั้นคุยกับภรรยาและลูกผมอยู่ ต่างก็ประหม่าทำตัวไม่ถูกครับ ภรรยาของผมก็เลยหนุนใจว่าไม่ยากอย่างที่คิด หากทำตามเงื่อนไขที่ทางรัฐกำหนดให้เราทำได้แล้ว เมื่อภรรยาเห็นผมออกมาก็ดิ่งมาหาและถามเป็นคนแรกว่าสอบผ่านไหม? ผมแกล้งใส่หน้านิดหนึ่งและยิ้มออกมา เพราะเห็นภรรยาทำสีหน้าไม่ดี คนที่มาสอบเห็นผมยิ้มก็รู้ทันทีว่าผมโกหกภรรยา ทุกคนตะโกนบอกภรรยาผมว่าด้วยรอยยิ้มว่า " เขาสอบได้แล้ว " ผมก็ยื่นใบสอบได้ให้ภรรยาด้วย เราต่างก็ชื่นชมยินดีขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ผมเป็นกรณีพิเศษเสมอมา

ขอขอบคุณพี่น้องเป็นอย่างมากที่ส่งแรงใจอธิษฐานเผื่อทุกวัน ขอพระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐานของท่านนั้นได้โปรดให้บำเหน็บอวยพระพรพี่น้องทุกๆด้านเช่นกัน ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดกับชีวิตของผมนั้น สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของพี่น้องได้ทุกคน พระเจ้าอาจให้เราเริ่มต้นที่สิ่งเล็กๆน้อยๆก่อน เมื่อเราเริ่มฝึดเดินได้แล้วพระเจ้าจะให้บทเรียนที่น่าตื่นเต้นมากมายกับเราทุกคน และตอนนี้ผมกับครอบครัวก็เตรียมตัวจะกลับมารับใช้พระเจ้าในประเทศไทยต่อ คาดว่าไม่เกินเดือนสิงหาคม หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สุดท้ายขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องสายพระพรทุกๆคนเช่นกันครับ

รักในพระคริสต์
สุชาติและครอบครัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น