22 พฤษภาคม 2552

สัมมนาผู้เลี้ยงที่ดี

สวัสดีค่า...



เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปสัมมนาผู้เลี้ยงที่ดี ที่จังหวัดชลบุรี มีวิทยากรหลายท่าน ทั้งคนไทย และคนเกาหลี สอนในหลากหลายหัวข้อ ทั้งเกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัว คริสตจักร และการนมัสการ แต่ที่แนบไฟล์มาแบ่งปันวันนี้ เทศนาโดยอ.โอคิว ลี จากประเทศเกาหลีใต้ เป็นวิทยากรขวัญใจไอริณเลยทีเดียว หวังว่าจะเป็นพระพรแก่ทุกคนบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ^^



สัมมนาผู้เลี้ยงที่ดีจัดที่คริสตจักรมหาพร ชลบุรี ทุกสัปดาห์ที่สองของเดือนคี่ (อังคาร-ศุกร์) สำหรับผู้รับใช้พระเจ้า และบุคคลทั่วไปที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับงานรับใช้ หัวข้อที่สอนก็จะเปลี่ยนไปตามการสัมมนาแต่ละครั้งค่ะ ค่าสัมมนา 4 วัน เพียง 400 บาทเท่านั้น ถ้าหากเข้าร่วมสัมมนาครบ 12 ครั้งจะได้รับประกาศนียบัตร และได้สิทธิร่วมเดินทางไปดูงานคริสตจักรที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วย อิชั้นไปมาแย้ว... ต้องขอบอกว่า คุ้มจิงๆ ^^ และเดือนหน้าจะมีการอบรม G12 แบบครบหลักสูตร จบแล้วมีประกาศนียบัตรให้ด้วย วิทยากรจากหลายประเทศ ค่าอบรม 16 วัน เพียง 1,600 บาท ถ้าหากใครสนใจร่วมสัมมนาและอบรมสามารถดูรายละเอียดได้ที่

http://www.gvschonburi.co.cc/newweb/index2/

Love in Christ

เปิ้ล
.............................................................................................

สัมมนาผู้เลี้ยงที่ดี ครั้งที่ 97

วันที่ 12-15 พฤษภาคม 2009

ณ ศูนย์อบรมคริสเตียน อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี

วิทยากร : อ. โอคิว ลี – คริสตจักรปิติยินดี กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

ผู้ที่มีความเชื่อบริสุทธิ์

* คส.3:12-17 12เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน 13จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน 14แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์ 15และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู 16จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า 17และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้าและขอบพระคุณพระบิดาเจ้าโดยพระองค์นั้น
* ยูดาห์ 1:20-21 20แต่ส่วนท่านที่รักทั้งหลายนั้น จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ของท่านที่เชื่อกันอยู่ และจงอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21จงรักษาตัวไว้ให้ดำรงในความรักของพระเจ้า คอยพระกรุณาของพระเยซูคริสตเจ้าของเราจนกว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์
* คำถาม : อธิษฐานกี่ชั่วโมงพระเจ้าจึงจะตอบ?
* แท้ที่จริงพระเจ้าไม่ได้มองที่การกระทำภายนอก แต่มองที่จิตใจ บางคนอธิษฐานวันละหลายชั่วโมง แต่จิตใจไม่ถูกต้อง พระเจ้าก็ไม่ตอบคำอธิษฐานของเขา
* พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเมื่อเรามีใจบริสุทธิ์
* พระเจ้าไม่ได้สอนเรื่องความรอดก่อน แต่สอนเรื่องความบริสุทธิ์ เมื่อใจถูกต้องแล้ว ทุกสิ่งในชีวิตก็จะมีผลที่ดีและถูกต้องด้วย
* พระเจ้าอยากให้จิตใจของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
* พระวิญญาณบริสุทธิอยู่ในใจเราทุกคน ฉะนั้นเราควรต้องรักษาจิตใจของเราให้ดี
* เราไม่จำเป็นต้องขอๆๆๆๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อเรารักษาจิตใจให้บริสุทธิ์แล้ว พระเจ้าทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นอย่างพอเพียงแก่เราแน่นอนอยู่แล้ว
* สิ่งที่เราสวมก็เป็นชีวิตของเรา เพราะร่างกายของเราเป็นวิหารของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเนื้อหนังหรือฝ่ายวิญญาณ ทุกเช้าเราก็ต้องเลือกว่าจะใส่ชุดอะไรเพื่อให้ดูดี ภายในก็เช่นเดียวกัน ทุกวันเราต้องตัดสินใจว่าเราจะเลือกสวมใจเมตตา ใจปราณี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจที่อดทนไว้นาน (คส.3:12) พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานตามสิ่งที่เราเลือกสวม
* รม.12:1 1พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย 2อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
* เราไม่มีกำลังที่จะมีใจบริสุทธิ์ด้วยตัวของเราเอง พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรามอบตัวเราเองแด่พระเจ้า และรับเอาการเปลี่ยนแปลงจากพระองค์
* อธิษฐานเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ ความโศกเศร้า è ความยินดี จิตใจท้อถอย è จิตใจที่มีกำลัง มารซาตานมักโจมตีจิตใจของเราให้โศกเศร้า หดหู่ ท้อถอย
* ผู้รับใช้พระเจ้ามักจะถูกสมาชิกทำให้บาดเจ็บเสียใจ แต่คำสั่งของพระเจ้าคือ ทรงให้เราดูแลลูกแกะของพระองค์ ฉะนั้นอย่าเก็บความขมขื่นไว้ แต่รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ เราไม่สามารถมีจิตใจที่บริสุทธิ์ด้วยตัวเอง แต่โดยทางพระคุณของพระเยซู โดยการนำสิ่งเหล่านั้นเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า อธิษฐานขอฤทธิ์เดชเพื่อให้มีกำลังรับใช้ต่อไป เมล็ดที่เน่าเปื่อยจึงจะเติบโตและเกิดผลได้ ชีวิตการรับใช้ก็เป็นเช่นนั้น
* เราต้องอธิษฐานสำหรับจิตใจที่ชอกช้ำบาดเจ็บ ให้พระเจ้าเยียวยารักษา ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์
* เราต้องอธิษฐานเผื่อจิตใจของเราให้มากกว่าการอธิษฐานขอสิ่งอื่นใด
* เมื่อเราดูแลคนอื่น อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย มอบจิตใจที่บาดเจ็บให้กับพระเจ้า
* เมื่อจิตใจบริสุทธิ์ก็เปิดประตูต่อพระเจ้าได้กว้างขึ้น
* การอยู่ในพระเจ้าก็สำคัญยิ่งกว่าการทำงานรับใช้มากๆ
* อธิษฐานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระภายในเรา
* ในยูดาห์ 1:20-21 บอกให้เรารอคอยพระกรุณาของพระเจ้า
* การรอคอยพระกรุณาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยไป
* พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเมื่อเราอภัยโทษบาป
* การอธิษฐานไม่ใช่แค่ความพยายามของตัวเราเองเท่านั้น ยังไม่พอ ต้องร่วมกับพระเมตตาของพระเจ้าด้วย
* อย่าลืมที่จะอธิษฐานขอพระเจ้ายกโทษให้ตัวเราเองด้วย
* รอคอยพระเมตตาของพระเจ้าจนกว่าจะไปถึงชีวิตนิรันดร์ (ยด.1:21)
* ผู้รับใช้ที่ไม่รอคอยพระกรุณาของพระเจ้าก็รับใช้ยากและเหน็ดเหนื่อย
* อธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้าทุกๆ วัน ทั้งสำหรับตัวเราเอง, คนอื่นๆ, รวมถึงคนที่เกลียดชังเราด้วย
* พระเจ้าปรารถนาที่จะเห็นน้ำใจอย่างพระเยซูคริสต์ดำรงอยู่ภายในเราทุกคน
* อธิษฐานตามบทเพลง “ขอให้คำจากปากของข้า และการภาวนาในจิตใจ เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์”



การถวายตัวรับใช้พระเจ้า

* เมื่อเราถวายตัวรับใช้ ให้ทำอย่างสัตย์ซื่อ พระเจ้าจะทรงอวยพรเราอย่างสัตย์ซื่อเช่นเดียวกัน ผลที่ตามมาเกิดจากท่าทีในใจของเรา
* เราถวายตัวต่อพระเจ้ามากแค่ไหน? และเราคิดว่าเรายังมีเวลามากแค่ไหน?
* อฟ. 4:13 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
* พระเจ้าให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ อดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก
* ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำให้รับใช้อย่างเกิดผล
* การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระเจ้าจะทำให้ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
* การถวายตัวต่อพระเจ้าเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่มีค่ามาก เป็นการรับการท้าทายจากพระเจ้า
* การถวายตัวอย่างเอาจริงเอาจังสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้
* คนที่ถวายตัวต่อพระเจ้าควรมีท่าทีดังนี้
* ถวายตัวต่อคริสตจักร และทุ่มเทรับใช้ต่อคริสตจักรก่อน
* ดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า
* รับใช้อย่างสัตย์ซื่อต่อสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้ทำ แล้วพระพร ฤทธิ์เดช และการอัศจรรย์ จะตามมาเอง
* ชื่นชมยินดีที่ได้ถวายตัวต่อพระเจ้า
* ไม่อยู่เฉยๆ อย่างเห็นแก่ตัว แต่ออกไปประกาศ
* ไม่กลัวที่จะรับใช้ตามที่พระเจ้าเรียก เพราะ “ในความรักไม่มีความกลัว” ความเชื่อเป็นเหมือนทองคำบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงดูแลเราเป็นพิเศษอยู่แล้ว บากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย และลืมสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วเสีย
* อฟ.4:4-12 4มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนมีความหวังใจอันเดียวที่เนื่องในการที่ทรงเรียกท่าน 5มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว 6พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง 7แต่ว่าพระคุณนั้นทรงโปรดประทานแก่เราทุกๆ คน ตามขนาดที่พระคริสต์ประทานให้ 8เหตุฉะนั้นจึงมีพระวจนะว่า ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นไปสู่ที่สูง พระองค์ก็ทรงนำพวกเชลยไป และประทานของประทานแก่มนุษย์ 9(ที่กล่าวว่าพระองค์เสด็จขึ้นไปนั้น จะหมายความอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่าพระองค์ได้เสด็จลงไปสู่เบื้องต่ำของแผ่นดินโลกแล้วด้วย 10องค์ผู้เสด็จลงไปนั้นก็คือพระองค์ผู้ที่เสด็จขึ้นไปสู่ที่สูงเหนือฟ้าสวรรค์ทั้งปวงนั่นเอง เพื่อจะได้สถิตอยู่ทั่วในสิ่งสารพัด) 11ของประทานของพระองค์ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น
* พระเจ้าทรงประทานความสำเร็จผ่านคริสตจักรของพระองค์



การมีจิตใจกว้างขวาง

* เมื่อเราอธิษฐาน เปิดใจของเราให้มีจิตใจกว้างขวางเหมือนพระเยซู
* 2 คร. 6:11-13 11ดูก่อนท่านชาวโครินธ์ เราพูดกับท่านอย่างไม่ปิดบังเลย และใจของเราก็เปิดรับท่าน 12ใจของท่านทั้งหลายมิได้ปิดเพราะเรา แต่ปิดเพราะความรู้สึกของตนเอง 13ในการตอบสนอง ข้าพเจ้าขอพูดกับท่านเหมือนพูดกับบุตร คือจงเปิดจิตใจของท่านเถิด
* เมื่อจดจ่อที่มนุษย์ก็อ่อนกำลัง แต่ถ้าจดจ่อที่พระเจ้าก็ได้กำลัง
* คนอื่นจะทำผิดหรือทำถูก ก็ไม่ต้องไปจดจ่อกับเขา แต่ให้อธิษฐานเผื่อเขา
* เมื่อจิตใจกว้างขวางก็ทำให้ได้รับพระพรมากขึ้น
* พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ มีจิตใจกว้างขวาง
* คำอธิษฐานของเราต้องจดจ่อที่พระเจ้า ไม่ใช่ที่มนุษย์
* แม้จะอธิษฐานมาก แต่อธิษฐานด้วยใจคับแคบ ก็ไม่ได้รับคำตอบ
* 2 คร. 7: 10 10เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ย่อมกระทำให้กลับใจใหม่ ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย
* สังเกตดูความเสียใจของเราว่ามาจากอะไร จากมนุษย์หรือจากพระเจ้า
* ยิ่งห่วงใยทรัพย์สมบัติ ก็จะยิ่งขาดแคลน
* การรับใช้ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่น ทำเท่าที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น
* ความเสียใจอย่างโลก คือ เมื่อมีความปรารถนา แต่พระเจ้าไม่อนุญาต ก็เสียใจ
* ไม่ต้องพยายามทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่อนุญาต แต่ยินยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำผ่านเรา ร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
* เอาใจใส่งานในส่วนที่ได้รับมอบหมาย พระเจ้าให้ทำอะไรก็ทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่
* ไม่ต้องกังวลว่าสมาชิกมากหรือน้อย หรือเราจะได้ตำแหน่งอะไร
* มีความเข้าใจว่ามารซาตานทำอะไร และทำงานของมันอย่างไร
* เมื่อใจกว้างขวางก็เกิดการอัศจรรย์ได้ (ตัวอย่าง : ขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว)
* ตาใจของเรากำลังมองที่ไหน ถ้ามองที่วัตถุ เมื่ออยากได้สิ่งที่พระเจ้าไม่ให้ ก็จะเกิดความเสียใจเสมอ
* 2 พศด. 7:14 14ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลงและอธิษฐาน และแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย



ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์

* อฟ.3:14-19 14เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา 15(คำว่า บิดา ของทุกตระกูล ทุกชาติ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกนี้ก็ดีมาจากคำว่า พระบิดา) 16ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์ 17เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว 18ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก 19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
* อฟ. 4:29-30 29อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง 30และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย เพราะโดยพระวิญญาณนั้นท่านได้ถูกประทับตราหมายท่านไว้ เพื่อวันที่จะทรงไถ่ให้รอด
* ถ้าผู้นำอ่อนแอ คริสตจักรก็จะไม่มั่นคงไปด้วย
* เมื่อพระเจ้าทรงเรียกโยชูวา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด”
* เมื่อมีจิตใจบริสุทธิ์ ก็ต้องเข้มแข็งและมีสติปัญญา ฉลาดเหมือนงูด้วย (บริสุทธิ์ + แข้มแข็ง + สติปัญญา)
* สิ่งที่อยู่กับเราสามารถถูกขโมยได้ แต่สิ่งที่อยู่ในใจ คนขโมยไม่ได้ แต่มารขโมยได้
* การเต็มเปี่ยมด้วยความรักต่อพระเจ้า ไม่ใช่แค่การมานั่งอธิษฐาน หรือพูดภาษาแปลกๆ ทั้งวันทั้งคืน แต่ความรักของพระเจ้ามีทั้งความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก
* อ.เปาโลไม่ได้อธิษฐานขอให้คริสตจักรเอเฟซัสมีสมาชิกมากๆ มีที่ดินกว้างๆ มีเงินถวายเยอะๆ แต่อธิษฐานขอให้รู้จักความรักของพระคริสต์อย่างลึกซึ้ง คริสตจักรที่ใหญ่แต่ไม่มีความรัก ก็ไม่มีความหมาย
* เราไม่ควรอธิษฐานเพื่อสิ่งที่มองเห็นเท่านั้น แต่อธิษฐานเผื่อสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย
* คนที่มีสติปัญญาจะรู้จักจัดลำดับความสำคัญ (มธ.6:33 33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้)
* พระเจ้าทรงตอบสนองต่อคำอธิษฐานที่ถูกต้อง
* ถ้าอธิษฐานตามน้ำพระทัยพระเจ้าก็ได้รับคำตอบแน่นอน
* ตื่นมาตอนเช้าเฝ้าเดี่ยวเราทำอะไรเป็นสิ่งแรก? ขอให้เราอ่านพระคัมภีร์ก่อน แล้วจึงอธิษฐานตามพระวจนะของพระเจ้า
* จงให้จิตใจของเราเข้มแข็งก่อน เมื่ออธิษฐานเผื่อผู้อื่นหรือเมื่อรับใช้ผู้อื่น เขาจะได้รับพระพรผ่านเราได้
* จัดลำดับให้ถูกต้อง อย่าเป็นคนที่ใส่รองเท้าก่อนใส่ถุงเท้า เรามักอธิษฐานเผื่อสิ่งของภายนอกก่อนสิ่งที่อยู่ภายใน เป็นการอธิษฐานที่ผิด อธิษฐานให้จิตใจเข้มแข็งก่อน
* ผู้รับใช้ที่ดีมีมาก แต่ผู้รับใช้ที่เข้มแข็งมีน้อย
* เมื่อคนที่จิตใจสับสนว้าวุ่นมาขอรับคำปรึกษา ยังไม่ต้องรีบให้คำปรึกษา แต่ให้เขาอ่านพระคัมภีร์ แล้วอธิษฐานเผื่อเขา ให้จิตใจของเขาสงบ และให้เขาตั้งสติพิจารณาว่า สิ่งไหนมีคุณค่ามากกว่า สิ่งไหนมีคุณค่ามากที่สุด ช่วยเขาจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
* สดด. 1:1-3 1ความสุขเป็นของบุคคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย 2แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน 3เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาลและใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น
* คนที่มีความสุข คือ คนที่จิตใจของเขามีความสุข
* คนที่มีความสุข คือ คิดอย่างมีความสุข และปฏิบัติตามอย่างมีความสุข
* เมื่อจิตใจมีความสุข ก็รับใช้ประกาศพระกิตติคุณอย่างมีความสุข มีชีวิตที่ส่องสว่างแก่คนรอบข้าง
* ระวังอย่าให้ความคิดสับสน มารซาตานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความคิดแง่ลบทุกอย่าง ควบคุมความคิดของเราให้อยู่ในทางของพระเจ้า



คำอธิษฐานของพระเยซู

* มธ. 6:9 9“ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
* พระเจ้าทรงสร้างเรามาเพื่อเป็นผู้ชนะ ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเราต้องตัดสินใจว่าจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ
* หลายคนติดกับความคิดของการเป็นผู้แพ้ ถ้าเราติดกับความรู้สึกที่ไม่ดี เราจะแพ้ไปตลอดชีวิต
* พระเยซูเสด็จมาเพื่อชนะซาตาน ฉะนั้นเราก็ควรชนะเช่นเดียวกัน
* เราต้องมีความเชื่อ-ความหวัง-ความรัก ตลอดเวลา
* ถ้าตื่นมาตอนเช้ารู้สึกไม่สบายใจ ให้ยกพระนามพระเจ้า สรรเสริญพระองค์
* มนุษย์บังคับตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อเราสรรเสริญพระเจ้า พระองค์ช่วยให้เราเอาชนะตัวเองได้
* วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะตัวเองคือ สรรเสริญ นมัสการพระเจ้า
* เมื่อยกพระนามพระเจ้า พระองค์นำการรักษา ความยุติธรรม การเลี้ยงดู ชัยชนะ ฯลฯ มายังชีวิตเรา
* กิเดโอน และดาวิด เป็นคนเล็กน้อยในตระกูลของเขา แต่พระเจ้ามองเห็นพวกเขาเป็นทหารของพระองค์ เพราะพวกเขามีจิตใจเดียวกับพระเจ้า
* เราได้รับพระสิริเมื่อเรานมัสการพระเจ้า
* เราต้องมองทุกสิ่งเหมือนพระเจ้ามอง และเราจะได้รับคำตอบอย่างอัศจรรย์
* เมื่อยกพระนามพระเจ้า เราได้รับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าด้วย
* ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้น เมื่อเรายกพระนามพระเจ้า
* คนที่มองที่พระเจ้า จะไม่สนใจว่าคนอื่นมองยังไง สนใจพระเจ้ามากกว่ามนุษย์ ดูตัวอย่าง ยาเบส
* การได้รับความจริงของพระเจ้าทำให้มีชัยชนะ แต่มารซาตานมักจะนำเอาคำโกหกมาใส่ความคิดเราเสมอ
* ถ้าเราลืมยกพระนามพระเจ้า ลืมที่จะสรรเสริญ นมัสการ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็จะหมดไปจากเรา กลับไปเป็นเหมือนเดิม
* จงสรรเสริญพระเจ้าจนกระทั่งเกิดความรู้สึกว่าสามารถชนะโลกนี้ได้
* ก่อนออกไปทำงานให้สรรเสริญพระเจ้า มอบชีวิตของเราให้อยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า มั่นใจว่าพระพรของพระเจ้าเป็นของเรา กำจัดความกลัวออกไปจากจิตใจด้วยการสรรเสริญพระเจ้า
* เราชนะโลกได้ด้วยการสรรเสริญ และเรามีกำลังรับใช้พระเจ้าเมื่อเราสรรเสริญ
* มธ.6:10 10ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
* อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ขออย่าให้ลูกอธิษฐานตามความคิดของลูก หรือตามความรู้สึกของลูกเอง”
* อธิษฐานขอสายตาแห่งพระวิญญาณสำหรับทุกสถานการณ์ในชีวิต ทั้งของเราและผู้อื่น
* คิด – มอง – อธิษฐาน แบบพระเยซู
* ผู้รับใช้ต้องเรียนรู้ที่จะไม่รับใช้ตามความคิดของตัวเอง
* ไม่ควรมองจุดด้อยหรือความจำกัดของเรา แต่มองที่ฤทธิ์เดชของพระเยซู
* ไม่ว่าพระเจ้าส่งใครหรืออะไรเข้ามาในชีวิต ดีหรือไม่ดีก็ตาม อย่ามัวสงสัย แต่ให้แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับสิ่งนั้น และทำให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ
* มธ.6:11-13 11ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้ 12และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น 13และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
* เราจำเป็นต้องสารภาพบาป และให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่การยกโทษบ่อยๆ หลายครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
* ถ้าเราสวมแว่นตาสีอะไร เราก็จะมองทุกสิ่งเป็นสีนั้น เช่นเดียวกัน ถ้าเรามองด้วยสายตามนุษย์ เราก็ให้อภัยคนอื่นได้ยาก หรือบางครั้งก็ให้อภัยไม่ได้ แต่เมื่อเรามองผ่านสายพระเนตรพระเจ้า เราก็ให้อภัยได้
* มองแบบพระเจ้า และอธิษฐานตามพระทัยพระเจ้า
* จัดลำดับการอธิษฐานให้ถูกต้อง ให้อภัยก่อนแล้วจึงสารภาพบาป จากนั้นจึงทูลขอ
* การให้อภัยไม่ได้ เกิดจากความเกลียด การทดลอง และความชั่ว
* ถ้าเราให้อภัยไม่ได้ เราก็จะพัฒนาความเชื่อไม่ได้ ผ่านการทดลองไม่ได้ มีชัยชนะไม่ได้
* ไม่มีใครมองเห็นตัวเอง จงให้พระวจนะเป็นกระจกส่องเรา เมื่อเรามองกระจก เราจะเห็นจุดที่ควรปรับปรุงแก้ไขได้ชัดเจน
* เรามองไม่เห็นตัวเอง แต่คนอื่นมองเห็น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ พระเจ้ามองเห็นเราอย่างไร
* เราต้องเรียนรู้ที่จะปรบมือให้ตัวเองด้วย ให้กำลังใจตัวเองด้วย การปฏิเสธความสามารถหรือความสำเร็จที่พระเจ้าประทานให้ ไม่ใช่ความถ่อมที่พระเจ้าพอพระทัย
* เมื่อเจอปัญหาให้คิดว่านี่คือโอกาสพิเศษที่จะได้ถวายเกียรติพระเจ้า เป็นโอกาสที่จะได้รับอำนาจพิเศษจากพระเจ้า
* ถามตัวเองว่าในจิตใจของเรามีแผ่นดินของพระเจ้าหรือเปล่า?
* ในจิตใจของเรามีสงครามระหว่างแผ่นดินของพระเจ้าและแผ่นดินของซาตานหรือไม่?
* ขอให้เราดำเนินชีวิตด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากพระเจ้า และถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกสิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น