14 มีนาคม 2552

คำโมทนาเพราะการได้กลับสู่สภาพดี By : suchart seeya

คำโมทนาเพราะการได้กลับสู่สภาพดี
เมื่อพระเจ้าทรงให้ศิโยนกลับสู่สภาพดี เราก็เป็นเหมือนคนที่ฝันไป
ปากของเราได้หัวเราะเต็มที่ และลิ้นของเราได้เปล่งเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน
แล้วเขาพูดกันท่ามกลางประชาชาติว่า " พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เขา "
พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เรามีความยินดี

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดี อย่างน้ำทางไหลที่ในเนเกบ
ขอให้บรรดาผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา ได้เกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน
ผู้ที่ร้องให้ออกไป หอบหิ้วเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน
จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน นำฟ่อนข้าวของตนมาด้วย

แท้ที่จริงทุ่งนาของพระเจ้าเหลืองอร่ามพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวแล้วครับ ตอนผมเรียนอยู่ที่พระคริสตธรรมพะเยา สมัยนั้นนักศึกษาต้องปลูกข้าวเอง และเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็ต้องวางหนังสือปากกาไว้ที่โต๊ะเรียนก่อน นักศึกษาชายหญิงทุกชั้นเรียนรวมสองร้อยกว่าคน เรียงหน้ากระดานหนึ่งเพื่อเกี่ยวข้าวที่อยู่ตรงหน้าจนกว่าจะหมด ในเนื้อที่กว่าเจ็ดสิบไร่ เราชื่นใจที่เห็นข้าวเต็มรวงแทบทุกต้น บ้างก็แห้งหักคาต้น บ้างก็หักและลอยอยู่เหนือน้ำจนข้าวที่ติดอยู่ในรวงงอกใหม่ออกมา เราเห็นต้นหญ้าแปลกๆมากมายแฝงโตมาด้วย เห็นปลาตัวใหญ่ๆว่ายไปมาชวนให้มือคันไม่อยู่กับที่จริงๆ เห็นหอยหลายชนิดเกาะต้นข้าวอยู่ ได้ยินเสียงกบเสียงจิ้งหรีดระงมไปทั่วท้องนา

อากาศในวันแรกก็แสนเย็นสบาย เพราะพวกเราอธิษฐานเผื่อไม่ไห้ฝนตกหรือแดดร้อนจนเกินไป และพระเจ้าก็ทรงเมตตาให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของพวกเรา บางคนขอบอกว่าเกิดมาไม่เคยปลูกและเกี่ยวข้าวในนาเลย เช่นผมนี่แหละครับ เคยแต่ปลูกและเกี่ยวข้าวบนดอยสูงโน้นแนะ ขอบอกว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดครับ เริ่มแรกเราไม่มีรองเท้าบุ๊คยาวๆใส่ลงไปลุยน้ำโคลนกับข้าวที่ต้องเกี่ยว เลยต้องพับขากางเกงให้สูงกว่าและเริ่มลุยลงไป บางคนก็เจอพื้นที่แห้งหรือน้ำน้อยก็เกี่ยวเร็วกว่าเพื่อน บางคนเกี่ยวจนลืมนิ้วของตนเอง ร้องลั่นเลยครับ เราลุยเกี่ยวข้าวเรียงหน้ากระดานหนึ่งสลับหญิงชายกันครับ ก็มีน้องๆปีหนึ่งหลายคนทีเดียวที่ไม่เคยเกี่ยวข้าวเลย รุ่นพี่บางคนก็เลยต้องสลับที่มาสอนไปทีละนิดจนได้ บรรยกาศร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย พอได้กลิ่นน้ำแล้วแทบจะหมดอารมณ์เลยทีเดียว

ชั่วโมงแรกๆผมไม่ได้ยินเสียงนักศึกษากันเลย ต่อมาก็ไม่นานนักก็ผมนี่แหละครับ ผิวปากร้องเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือออกมา ทุกคนหัวเราะชอบใจ บ้างก็บอกว่าโบอาทกำลังมองหานางรูธแล้ว การพูดคุยกันก็เกิดขึ้นพร้อมๆกับงานที่อยู่ตรงหน้าทุกคน ยิ่งได้คุยกับสาวๆแล้วงานเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำครับ หลายคนก็เหนื่อยจนทำต่อไม่ไหวก็มี หลายคนได้แผลที่น่องบ้าง ที่ฝ่าเท้าบ้าง ที่มือบ้าง หรือบางคนก็โดนปลิงควายดูดเลือดจนอิ่มก็มี ตัวผมยอมรับว่าเป็นรุ่นพี่นั้นเหนื่อยมาก คอยหนุนใจคนนั้นคนนี้ และต้องระวังเรื่องหลีเป็นพิเศษ ที่จริงอยากหลีหรอกนะครับ กลัวจะทำผิดกฏของสถาบันและเรียนไม่จบครับ

พวกเราต่างร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในท้องทุ่งสลับกัน บางก็หยอกล้อกันตามประสา คณาจารย์ก็คุมเข้มไม่ใช่เล่น เพราะมีนักศึกษาบางคนบางกลุ่มชอบทำอะไรเรียกร้องความสนใจหรือออกนอกลู่นอกทางอยู่เสมอ บางคนก็แอบไปนอนหลับหลังกองข้าวก็มีครับ บางคนหลีอย่างเดียวงานไม่ไปไหนเลยก็มี บางคนก็ทะเลาะกันก็มี พวกเราเกี่ยวและตีข้าวเสร็จภายในสองวันเอง
ในสังคมของเราเปรียบกับทุ่งนาที่เหลืองอร่าม เราต้องมีสายตาอย่างพระเจ้าก่อน อย่ากลัวปลิง ปลาไหล ปลาหมอ คางคก ฯลฯ จนทำให้เราไม่กล้าที่จะเริ่มต้นประกาศกับคนที่กำลังรอเรา อย่าคิดเองออเองคนเดียว หน้าตาของคนไม่ใช่โหคร้ายเสมอไป บางทีหน้าตาของเราก็เป็นอาวุธทำให้เขากลัวก็เป็นได้ อย่ารอรีเมื่อพระวิญญาณเร้าใจ ขอให้รีบเดินเข้าไปประกาศทันที บางครั้งก็ถูกประฏิเสทกลับมาก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำหน้าที่ของตนต่อไป บางคนก็ถูกเยาะเย้ยและพูดจาถากถาง ขอให้มีความอดทนให้ถึงที่สุด บางคนก็ถูกถมน้ำลายรดหน้าเต็มๆพร้อมกับน้ำหมากเหม็นๆ ขอให้พระเจ้าทรงอวยพระพรเขาที่ทำกับเรา บางคนก็ถูกทำร้ายร่างกายก็มี ขอให้รู้ว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำกับเรานั้นก็เหมือนทำกับองค์พระเยซูคริสต์ในวันนั้น เราได้มีส่วนในการทนทุกข์ของพระเยซูแล้ว บำเหน็จของเราพระเยซูทรงให้แน่นอน ขอให้สู้ต่อไป

บางครั้งเราอาจถูกความรู้สึกกลัวเข้ามาแทนที่ ขอให้ขับไล่ไปในพระนามพระเยซู และลุกขึ้นประกาศเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณต่อไป เข้าใจว่าต้องเจออุปสรรค์มากมาย แต่ขอให้เรายอมเรียนรู้เหมือนกับนักศึกษาปีหนึ่งที่เกี่ยวข้าวไม่เป็นและยอมเรียนรู้กับรุ่นพี่ ขอให้เราร่วมมือกันอธิษฐานเผื่อคนไทยทุกวัน เพื่อความรอดจะมาถึงพวกเขา เขาไม่ได้ปฏิเสทเราแต่ปฏิเสทพระเยซูที่เรานำเสนอนั้น อย่าไปคิดว่าไม่เกิดผลตามความเห็นของเรา สิ่งที่พระเจ้าทำงานผ่านชีวิตของเรามันจะไม่สูญเปล่าแน่นอนครับ " อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำความดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันควร " ความดีที่ว่านี้คือการนำคนกลับมาหาพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดที่ดีกว่านี้แล้วครั

คริสเตียนเองก็มีหลายคณะเหลือเกินแต่ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่องานของพระเจ้า ไม่ควรขัดขวางงานรับใช้ซึ่งกันและกัน มาจับมือร่วมกันเก็บเกี่ยวข้าวที่พร้อมให้เราเกี่ยวนั้นดีกว่า เราทำงานรับใช้พระเยซูองค์เดียวกันอย่าอิจฉากันและกัน มุ่งหน้าปรนนิบัติตามของประทานต่อไปครับ เราอาจเห็นบางสิ่งที่ไม่ควรเห็น แต่ก็อย่าใส่ใจ ขอพระเจ้าลบล้างมันออกไป ใครไม่ประกาศไม่สำคัญแต่เราจะประกาศหรือไม่ นี่สำคัญที่สุดครับ จริงอยู่แค่มองก็ท้อแล้ว เพราะมันเยอะเหลือเกิน พระเจ้าจะประทานคนอื่นๆมาช่วยเราเก็บเกี่ยวเป็นเพื่อนแน่นอนครับ

การตีข้าวก็ใช้คนที่แข็งแรงตี บางคนแพ้ฝุ่นละอองข้าวเป็นเม็ดขึ้นเเต็มตัวเลย บางคนก็บ่นอยากกลับสถาบันอาบน้ำและพักให้สบายกายใจ บางคนก็คันมาก บางคนไปเจอรังมดแดงเข้าวิ่งป่าราบเลยก็มี สนุกสนานมากครับ การเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณนั้นก็เหมือนกัน เราต้องร่วมมือกันทุกคนครับ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน อธิษฐานต่อสู้ด้วยกัน ผมขอบคุณพระเจ้าพวกเราสามารถเกี่ยวเก็บได้มากกว่ายี่สิบเกวียน คณาจารย์และนักศึกษาต่างก็ชื่นชมยินดีหลังการเก็บเกี่ยว เพราะเราจะได้ทานข้าวที่เราได้เก็บเกี่ยวด้วยกันเป็นปีเลยทีเดียว

คนงานของพระเจ้าทุกวันนี้อยู่ที่ไหนกันหมด แต่ละปีก็ได้ข่าวว่าจบการศึกษามาหลายร้อยคนถ้ารวมทุกสถาบันการ ศึกษา หลายคนไม่ชอบความลำบาก และยังไม่มั่นใจมั่นคงในจิตใจ หลายคนต่างขัดเคืองกันและกัน งานของพระเจ้าก็ต้องชะงักงัน และคริสเตียนในเมืองไทยก็มาก ทุกคนเป็นคนงานของพระเจ้าที่ต้องประกาศข่าวประเสริฐ เพราะพระคุณของพระเจ้านั้นทำให้เราต้องประกาศแก่คนทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา อย่าอ้างเลยไม่มีของประทาน ฟังไม่ขึ้น เพราะนี่คือหน้าที่ที่คริสเตียนทุกคนต้องทำครับ สุดท้ายแล้วเราจะร้องเพลงอย่างชื่นบานด้วยกันในพระนิเวศของพระเจ้า

รักพระคริสต์
สุชาติ
By : suchart seeya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น