20 ธันวาคม 2553

พบพระเจ้าในพระคัมภีร์.

พบพระเจ้าในพระคัมภีร์.
พันธกิจ R.B.C.
มานาประจำวัน.

พระคัมภีร์เป็นหนังสือเกี่ยวกับผู้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับพระเจ้า คนเหล่านี้ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก กว่าที่จะได้พบหน้าต่อหน้ากับพระเจ้าผู้ตรัสว่า “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้ “เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น” (อิสยาห์ 55:8-9)

พระคัมภีร์ยังเป็นเรื่องของพระเจ้าผู้ทรงมีปัญหากับผู้คน พระคัมภีร์ทั้งเล่มเป็นเรื่องราวของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปกป้องบรรดาคนที่ไม่ยอมไว้วางใจในพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการที่พระเจ้าทรงให้อดัมและเอวาออกจากบ้านที่สวนเอเดน ที่พระองค์ส่งน้ำท่วมมาทำลายทุกคนนอกจากโนอาห์และครอบครัว ที่พระองค์อนุญาติให้ชาวอัสซีเรียมีชัยชนะเหนือเผ่าฝ่ายเหนือและที่ชาวบาบิโลนมีชัยชนะเหนือยูดาห์ พระเจ้าทรงสำแดงชัดเจนว่า ความอดกลั้นของพระองค์มีขอบเขต

พระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้ให้ไว้สำหรับทุกคน แต่สำหรับทุกคนที่เต็มใจที่จะแสวงหาและไว้วางใจพระองค์ อิสยาห์เตือนเราว่าพระเจ้าทรงเต็มพระทัยที่จะพบกับคนที่เต็มใจที่จะแสวงหาพระองค์ด้วยวิธีการของพระองค์ ก่อนที่อิสยาห์จะกล่าวว่า “ความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า” ท่านกล่าวถึงพระเจ้าว่า “จงแสวงหาพระเจ้า เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้ ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขาและคนไม่ชอบธรรมสละความคิดของเขา ให้เขากลับมายังพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกรุณาเขา และยังพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงอภัยอย่างล้นเหลือ” (อิสยาห์ 55:6-7)

พระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่มบอกชัดเจนว่าพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะพบพระองค์ได้ ก็เฉพาะบรรดาผู้ที่เต็มใจ
ที่จะยอมจำนนต่อพระองค์เท่านั้น เงื่อนไขสำคัญที่ต้องยอมจำนนนี้ คือสิ่งที่พระเยซูสอน เมื่อพระองค์ตรัสว่า “บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า” (มัทธิว 5:8) พระองค์ตรัสถ้อยคำนี้ทันทีหลังจากที่พระองค์ตรัสว่า “บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ....บุคคลผู้ใดโศกเศร้า....บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน......บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรม....บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา.....” (ข้อ 3-7)

เงื่อนไขแต่ละข้อนั้นสะท้อนให้เห็นว่าเราจำเป็นจะต้องมีจิตใจที่ยอมจำนน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะรับพระพรของพระเจ้า

ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถพบพระเจ้าได้ ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ ผู้ที่จะพบพระองค์ได้นั้น จะต้องเป็นคนที่พระองค์เลือกที่จะเปิดเผยพระองค์เองเท่านั้น พระคัมภีร์ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้คือ ในขณะที่พระวจนะประทานมาเพื่อนำเราไปถึงพระเจ้า พระคัมภีร์จะยังคงเป็นหนังสือที่ปิดอยู่สำหรับบรรดาคนที่พยายามแสวงหาพระเจ้าด้วยวิธีการของพวกเขาเอง ผู้ที่จะพบพระเจ้าในหน้าหนังสือของพระองค์ได้จะต้องเป็นผู้ที่ปรารถนาจะเชื่อฟังพระองค์ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็จะไม่ได้พบพระองค์เลย

พระเยซูตรัสถึงพระเจ้าและถึงพระองค์เองว่า “ถ้าผู้ใดตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะรู้ว่าคำสอนนั้นมาจากพระเจ้าหรือว่าเราพูดตามใจชอบของเราเอง” (ยอห์น 7:17)

ความรอดเป็นของประทาน การอภัยและชีวิตนิรันดร์จะมาถึงเราได้ ก็เพียงโดยพระคุณและผ่านความเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น (เอเฟซัส 2:8-9) แต่การพบพระเจ้าในพระคัมภีร์จำเป็นที่เราจะต้องมีความเต็มใจที่จะต้องมีความเต็มใจที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ด้วยการยอมจำนนเท่านั้น ที่จะทำให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงโปรดให้เราเห็นความจริงว่าพระคริสต์ทรงทำสิ่งใดในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา ด้วยการยอมจำนนเท่านั้น ที่จะทำให้เราสามารถพบพระเจ้าพระบิดาและพระบุตรได้ในทุกๆหน้าของพระคัมภีร์